สมุนไพรผักพื้นบ้านและผลไม้ยอดนิยม ที่มักพบในอาหารไทย!
พืชสมุนไพรต่างๆของไทยนั้น ตั้งแต่โบราณก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า มีคุณค่าทางยามากมาย ซึ่งในอาหารไทยที่เรารับประทานกันในชีวิตประจำวัน ล้วนก็ประกอบไปด้วยสมุนไพรนานาชนิด เป็นวัตถุดิบผสมอยู่ด้วยทั้งสิ้น แต่สมุนไพรหลักๆที่มักจะพบเห็นกันบ่อยๆ มีดั
1. ใบกะเพรา
เมนูสิ้นคิดยอดนิยมของหลายๆคน เมื่อคิดอะไรไม่ออก คือ “ข้าวราดกะเพราไก่ไข่ดาว” เมนูจานด่วน ง่ายๆ แต่อร่อย ใบกะเพราเองจะมีสรรพคุณทางยา ช่วยในเรื่องของการขับลม ลดน้ำตาลในเลือด แก้โรคกระเพาะ จุกเสียด แน่นท้อง เป็นต้น
2. ขิง
สมุนไพรในครัวเพิ่มความหอม และรสเผ็ดร้อนในเมนู ไก่ผัดขิง, ปลาทอดเต้าเจี้ยว, บัวลอยน้ำขิง ซึ่งขิงจัดว่ามีสรรพคุณทางยาที่มีประโยชน์ต่อร่างกายที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการช่วยลดความอ้วน ลดระดับไขมัน คอเลสเตอรอล แก้อาการร้อนใน บำรุงหัวใจ เป็นต้น
3. ตะไคร้
จัดเป็นผักสมุนไพรชนิดหนึ่งที่นิยมนำมาประกอบอาหารโดยเฉพาะกับอาหารทะเล หรือเมนูที่มีกลิ่มฉุน เพราะสามารถดับกลิ่นคาว และช่วยเพิ่มรสชาติของอาหารได้ดี เช่น ต้มยำทะเล, หอยยำตะไคร้, เครื่องแกงต่างๆ เป็นต้น
4. กระเทียม
เรียกได้ว่าเป็นวัตถุดิบที่เจอเกือบในทุกเมนู ไม่ว่าจะเป็น ผัด แกง ทอด ต้ม มีสรรพคุณหลากหลายไม่ว่าจะเป็นเรื่องควบคุมความดัน บำรุงเลือด ป้องกันโรคหัวใจ ขับลม ป้องกันไขหวัด เป็นต้น
5. พริกไทย
เครื่องปรุงรสที่ต้องมีติดโต๊ะตามร้านอาหารทุกโต๊ะ มีกลิ่นฉุน ช่วยเพิ่มรสชาติอาหารให้กลมกลมยิ่งขึ้น ที่ทั้งแบบสดและแห้ง ซึ่งการนำมาใช้ประกอบอาหารก็จะแตกต่างกันออกไป มักพบให้อาหารประเภทแกงจืด หรือ ผัด มีสรรพคุณช่วยในเรื่องของต่อต้านสารก่อมะเร็ง แก้อาการไอ หอบหืด ขับเสมหะ เป็นต้น
6. ขึ้นฉ่าย
อีกหนึ่งผักสวนครัวที่พบบ่อยอีกชนิดก็คือ ขึ้นฉ่าย ด้วยกลิ่นหอมฉุนที่ช่วยเพิ่มรสชาติให้กับหลากหลายเมนู เช่น ปลาผัดขึ้นฉ่าย แกงจืดเต้าหู้หมูสับ เมนูยำต่างๆ อีกทั้งสรรพคุณในเรื่องบำรุงหัวใจ ลดความดันโลหิต รักษาโรคอัลไซเมอร์ ช่วนลดอาการอักเสบ และต่อต้านมะเร็ง เป็นต้น
ทุเรียน
ผลไม้ยอดฮิตของทั้งคนไทยและคนต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน จนได้ฉายาว่า “ราชาแห่งผลไม้” ทุเรียนในไทยมีหลายหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นหมอนทอง, ชะนี, ก้านยาว เป็นต้น รสชาติความหวานยิ่งไม่ต้องพูดถึง แต่บางคนอาจจะไม่ชอบกลิ่นเพราะทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีกลิ่นแรง แนะนำว่าทานแต่น้อยๆก็พอนะ ไม่งั้นอาจพองโดยไม่รู้ตัว แล้วจะหาว่าแอดมินไม่เตือน ^^
แตงโม
ถ้าพูดถึงอากาศร้อนๆแบบบ้านเราอย่างนี้ ผลไม้ที่ทุกคนจะนึกถึงอันดันแรกก็คือ แตงโม ด้วยรสชาติเนื้อหวานฉ่ำ ที่จะช่วยดับร้อนได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะกินแบบสดๆแช่เย็น หรือนำไปทำน้ำแตงโมปั่นก็สดชื่นสุดๆ
เงาะ
ผลไม้พยางค์เดียวง่ายๆ ที่ชาวต่างชาติมักพูดไม่ได้ 555+ ด้วยรสชาติหวานกรอบของเนื้อสีขาวแน่นๆ ตัดกับสีแดงของเปลือกจึงทำให้ผลไม้ชนิดนี้มักเป็นที่สะดุดตาให้ชาวต่างชาติมักจะต้องขอลอง และตกหลุมรักในความอร่อยในที่สุด
มะม่วง
อีกหนึ่งผลไม้ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้ชนิดอื่นๆ ไม่ว่าจะกินแบบสด หรือ นำไปแปรรูป ซึ่งมะม่วงในเมืองไทยมีหลากหลายพันธุ์ เช่น มะม่วงเขียวเสวย, มะม่วงเบา, มะม่วงน้ำดอกไม้ เป็นต้น จึงมีทั้งแบบหวานมัน และแบบเปรี้ยว ขึ้นอยู่กับความชอบของผู้รับประทาน
มังคุด
ถ้าทุเรียน คือ “ราชาแห่งผลไม้” มังคุดก็เปรียบได้กับ “ราชินีแห่งผลไม้” เช่นกัน ด้วยสีสันของเปลือกที่สวยงาม มีเนื้อนุ่ม ฉ่ำน้ำ ทั้งยังมีสรรพคุณลดคอเลสเตอรอลในร่างกายและไขมันในเส้นเลือด
5 สูตรน้ำสมุนไพร เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ
ในช่วงหน้าร้อนแบบนี้ เพื่อนๆมีวิธีดับร้อนกันยังไงบ้าง หากมีเครื่องดื่มเย็นๆสดชื่นๆสักแก้วก็คงจะดีไม่น้อย วันนี้เราได้นำสูตรการทำน้ำสมุนไพรมาฝากเพื่อนๆกัน นอกจากจะช่วยคลายร้อนเพิ่มความสดชื่นแล้ว น้ำสมุนไพรยังมีสรรพคุณที่หลากหลาย และเป็นผลดีต่อร่างกายอีกด้วย จะมีน้ำอะไรบ้าง ตามมาดูกันเลย
น้ำเก๊กฮวย
เก๊กฮวย เป็นสมุนไพรช่วยดับร้อน ช่วยระบบย่อยอาหาร และลดความดันโลหิต การทำน้ำเก๊กฮวยมีแค่ดอกเก๊กฮวยแห้งและน้ำตาลทราย นอกจากนี้ยังสามารถใส่ใบเตยเพื่อเพิ่มความหอมได้อีกด้วย
ส่วนผสม น้ำเก๊กฮวย
- ดอกเก๊กฮวยแห้ง 1 กำมือ
- น้ำ 2 ลิตร
- น้ำตาลทราย 500 กรัม
- ใบเตย 10 ใบ
วิธีทำ น้ำเก๊กฮวย
1. ต้มน้ำกับใบเตยจนเดือด ใส่ดอกเก๊กฮวยลงไปเคี่ยวสักพัก
2. ใส่น้ำตาลทรายลงไปคนให้ละลาย รอจนเดือดอีกครั้ง ปิดไฟ พักไว้จนเย็น
3. พอน้ำเก๊กฮวยเริ่มอุ่นยกลงกรอง ตักใส่แก้วหรือบรรจุใส่ขวด
น้ำใบบัวบก
ถึงแม้ว่าใบบัวบกจะมีกลิ่นเหม็นเขียว แต่สรรพคุณของใบบัวบกนั้นสามารถช่วยลดความดันโลหิต บำรุงสมอง และบรรเทาอาหารนอนไม่หลับ และหากใครไม่สามารถกินสดๆได้ สามารถดัดแปลงเป็นน้ำใบบัวบกได้ ซึ่งสูตรนี้ใส่ใบเตยกับน้ำเชื่อมเพื่อเพิ่มความหวาน
ส่วนผสม น้ำใบบัวบก
- ใบบัวบก 600 กรัม
- น้ำ 6 ถ้วย
- ใบเตย มัดเป็นปม 2-3 ใบ
- น้ำเชื่อม 1+1/2 ถ้วย
วิธีทำ น้ำใบบัวบก
1. ล้างใบบัวบกให้สะอาด สะเด็ดน้ำออกจนหมด จากนั้นหั่นเป็นท่อนสั้น ๆ เตรียมไว้
2. ต้มน้ำกับใบเตยจนเดือด พักทิ้งไว้จนน้ำอุ่น
3. แบ่งใบบัวบกเป็น 6 ส่วน ทยอยใส่ลงในเครื่องปั่น ตามด้วยน้ำต้มสุกที่อุ่นแล้ว 1 ถ้วยลงปั่นจนละเอียดเป็นน้ำ ทำซ้ำจนหมด ยกลงกรองด้วยผ้าขาวบาง เอาแต่เฉพาะน้ำ เตรียมไว้
4. ใส่น้ำเชื่อมลงในน้ำใบบัวบก คนผสมให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ ใส่น้ำแข็งลงในแก้ว เทน้ำใบบัวบกใส่ลงไป พร้อมดื่ม หรือเทขวดปิดฝาให้สนิท นำเข้าตู้เย็นสามารถเก็บไว้ดื่มได้
น้ำจับเลี้ยง
จับเลี้ยงเป็นเครื่องดื่มคลายร้อยสามารถช่วยลดอาการร้อนใน ซึ่งสูตรนี้ใช้เครื่องจับเลี้ยงสำเร็จรูปต้มกับน้ำเปล่า แล้วเติมน้ำตาลทราย ต้มจนเดือดจากนั้นเทใส่แก้วน้ำแข็งหรือนำไปแช่เย็นแล้วจึงค่อยดื่ม
ส่วนผสม น้ำจับเลี้ยง
- จับเลี้ยงสำเร็จรูปน้ำหนักประมาณ 50-70 กรัม จำนวน 1 ห่อ
- น้ำ 2 ลิตร
- น้ำตาลทรายแดง
วิธีทำ น้ำจับเลี้ยง
1. ใส่เครื่องจับเลี้ยงลงในหม้อ ตามด้วยน้ำ ต้มไฟอ่อนจนเดือด และน้ำเปลี่ยนสี ประมาณ 20 นาที ยกลงจากเตา กรองด้วยผ้าขาวบางเอาเฉพาะน้ำ เทกลับใส่หม้อ นำขึ้นตั้งไฟอีกครั้ง
2. ใส่น้ำตาลทรายแดง คนผสมให้เข้ากัน ต้มจนเดือด ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็น ตักใส่ขวด แล้วนำเข้าแช่เย็น
น้ำมะตูม
ใครกำลังมองหาน้ำสมุนไพรช่วยขับลมหรือมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ น้ำมะตูมสามารถช่วยได้ โดยการนำมะตูมแห้งไปย่างหรือคั่วไฟจนหอมแล้วเอาไปต้มจนน้ำเดือดและสีเปลี่ยน จากนั้นจึงเติมน้ำตาลทรายลงไป
ส่วนผสม น้ำมะตูม
- มะตูมแห้ง 5 ชิ้น
- น้ำ 1 ลิตร
- น้ำตาลทรายแดง 50 กรัม
วิธีทำ น้ำมะตูม
1. นำมะตูมแห้งไปย่างไฟหรือคั่วในกระทะจนมีกลิ่นหอม เตรียมไว้
2. ใส่น้ำลงในหม้อตามด้วยมะตูมที่ย่างไฟแล้วลงไปต้มด้วยไฟกลางจนน้ำเดือดและเริ่มเปลี่ยนสี ประมาณ 10-15 นาที
3. ใส่น้ำตาลทรายแดงลงไปคนผสมจนละลายหมด เคี่ยวไปเรื่อยๆ จนน้ำเปลี่ยนเป็นสีเข้ม ยกลงจากเตา กรองเอากากออก พักทิ้งไว้จนเย็น
4. เทใส่แก้วที่มีน้ำแข็ง พร้อมดื่ม
น้ำสำรอง
ลูกสำรอง สามารถเอามาทำน้ำสมุนไพรสรรพคุณแก้ไอขับเสมหะ โดยการทำน้ำสำรองเริ่มจากเอาลูกสำรองไปแช่น้ำจนพองตัวเป็นวุ้น เลือกเอาแต่วุ้นแล้วเอาไปต้มกับน้ำจนเดือด จากนั้นเติมน้ำตาลทราย
ส่วนผสม น้ำสำรอง
- ลูกสำรอง (ตัดหัวท้ายออก) 10 ลูก
- น้ำ 1 ลิตร
- น้ำตาลทรายแดง 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ น้ำสำรอง
1. แช่ลูกสำรองในน้ำสะอาดจนพองตัวออกเป็นเส้นวุ้น เลือกเอาแต่วุ้น สะเด็ดน้ำ เตรียมไว้
2. ใส่เนื้อสำรองลงในหม้อต้มกับน้ำจนเดือด ใส่น้ำตาลทรายแดง คนผสมจนน้ำตาลทรายละลาย ยกลงจากเตา ตักใส่แก้ว พร้อมดื่มขณะร้อน ๆ หรือพักทิ้งไว้จนเย็นสนิท สามารถเทใส่ขวดเก็บไว้ดื่มแบบเย็นๆ
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : https://cooking.kapook.com/view198994.html